กินของคาวอิ่มแล้วไง มีกระเพาะสำหรับของหวานแยกแล้วกัน! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้หญิงกับของหวานเป็นของคู่กัน ถึงแม้ว่าใจนึงจะรู้สึกเอ็นจอยอีทติ้ง แต่อีกใจนึงก็กลัวอ้วนเนี่ยยสิ ทั้งฮันนี่โทสต์ บิงซู ทาร์ตไข่ ชานมไข่มุก... เผลอกินเข้าไปทีไรน้ำหนักเป็นต้องพุ่งปรี๊ดดทุกที แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะสาว ๆ เพราะวันนี้ Jelly มีทริคกินของหวานยังไงให้ไม่อ้วนมาฝาก ต้องกินเวลาไหน กินยังไง รู้แล้วก็เตรียมตัวกินของหวานอย่างสบายใจกันได้เลยยยย 🍦🍰🍨😋 

 

1. จำกัดปริมาณในการกินของหวาน


ใช่ว่ากำลังควบคุมน้ำหนักแล้วจะกินของหวานไม่ได้นะ แค่ต้องเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสมอย่างการลดปริมาณของหวานลงมาครึ่งหนึ่ง เช่น เค้ก 1 ก้อน ให้เปลี่ยนมากินแค่ 3 - 4 คำ หรือกินแค่ครึ่งก้อนให้พอหายรู้สึกว่าอยากของหวาน แล้วที่เหลือค่อยเก็บไว้กินครั้งต่อไป อาจจะแชร์กับเพ่ื่อน ๆ ด้วยก็ได้เพื่อเป็นการหารแคลอรี่ไงจะได้ไม่อ้วนมาก

 

ของหวาน อ้วน

 

2. กินของหวานให้ถูกเวลา


อยากกินของหวานแต่กลัวอ้วน ก็ต้องเลือกกินให้ถูกเวลา ซึ่งเวลาที่ดีที่สุดก็คือ ช่วงเช้าถึงบ่ายสอง เพราะช่วงบ่ายเป็นช่วงที่ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้ดี ร่างกายจะเปลี่ยนพลังงานเป็นไขมันได้ยาก แถมยังสามารถเอาพลังงานไปใช้ได้ทั้งวัน แต่ยังไงก็ต้องระวังในเรื่องของปริมาณนะคะ ถ้ากินเยอะเกินไปร่างกายก็ย่อยไม่ทันเหมือนกัน ใครที่ชอบแอบกินขนมหวานตอนดึก ๆ แนะนำให้พยายามอดใจไว้ แล้วเก็บไว้กินตอนเช้าดีกว่าน้า

 

ของหวาน อ้วน

 

3. จำกัดแคลอรี่ในมื้ออื่นๆ 


กินของหวานแคลอรี่สูง ๆ เข้าไปแล้ว ก็ต้องจำกัดแคลอรี่ในมื้อที่เหลือกันหน่อย ใครที่กำลังควบคุมน้ำหนักลองคำนวณแคลอรี่ต่อวันตามสูตรด้านล่างก็จะรู้คร่าว ๆ ว่าในหนึ่งวันเราควรกินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม สมมติเรากินของหวานเข้าไปประมาณ 350 แคลอรี่แล้ว ก็จะสามารถกินได้อีก 920 แคลอรี่ แต่ไม่จำเป็นต้องควบคุมแคลอรี่จนเคร่งเครียดนะ แค่วันไหนกินของหวานเข้าไปเยอะวิธีนี้ก็ถือว่าช่วยได้อยู่ค่ะ

  • สูตรคำนวณ BMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)
  • ตัวอย่าง 665 + (9.6 x 44) + (1.8 x 156) - (4.7 x 24) = 1,270 แคลอรี่ต่อวัน 

 

ของหวาน อ้วน

 

4. เลือกทานของหวานแบบ Low-fat


อยากกินของหวานแต่กลัวอ้วน! แนะนำให้เลือกทานของหวานแบบ Low-fat หรือมีส่วนผสมของวัตถุดิบที่มีไขมันต่ำ แต่หากว่าร้านไหนไม่มีก็ให้เลือกเมนูที่ดูใช้วัตถุดิบที่ไม่ทำให้อ้วนมาก ถ้าเป็นเมนูเครื่องดื่ม อย่างสมูทตี้ โกโก้ หรือชานมไข่มุกก็อย่าลืมสั่งว่าหวานน้อยและเลี่ยงวิปครีมด้วยนะจะได้ไม่อ้วนมากยังไงล่ะ อิอิ

 

ของหวาน อ้วน

 

5. ดื่มชาเขียวร้อนหลังมื้อของหวาน


จิบชาเขียวร้อนหลังมื้อของหวาน หรือระหว่างวัน จะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญและช่วยลดคลอเรสเตอรอลได้ดี ใครกำลังควบคุมอาหารแต่เผลอกินของหวานเข้าไปเยอะจนรู้สึกเครียดล่ะก็ ลองดื่มชาเขียวร้อนสัก 1 แก้วจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายท้องขึ้นได้ค่ะ

 

ของหวาน อ้วน

 

6. กินแล้วเบิร์นออกด้วย!


ถ้าอยากจะกินของหวานแบบสบายใจ กฎเหล็กก็คือกินเสร็จแล้วต้องออกกำลังกายด้วย! วันไหนกินของหวานเข้าไปตอนเย็นก็กลับมาออกกำลังกายสัก 30 - 45 นาที นอกจากจะช่วยให้ร่างกายเบิร์นแคลอรี่จากของหวานออกไปได้แล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีและอารมณ์คงที่อีกด้วยนะ

 

ของหวาน อ้วน

 

7. งดแป้งและของหวานในวันถัดมา


ใครตบะแตกเผลอกินของหวานเข้าไปเยอะ วันต่อมาก็ต้องควบคุมอาหารกันหน่อย โดยให้เน้นกินโปรตีน ผักและไม้เป็นหลัก เลี่ยงแป้ง น้ำตาลและของหวาน ที่สำคัญอย่าลืมจิบน้ำเปล่าบ่อย ๆ ตลอดวัน เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานดีขึ้น แถมยังช่วยทำให้รู้สึกอิ่มไม่ค่อยหิวระหว่างวันอีกด้วย 

 

ของหวาน อ้วน

 

รู้ทริคกินของหวานยังไงให้ไม่อ้วนแบบนี้แล้วสายกินที่กลัวอ้วนแบบเราก็สบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ต้องอย่าลืมว่าถ้าหากกินเข้าไปมากกว่าเอาออกยังไงก็อ้วนอยู่ดีนะคะ ฉะนั้นแล้วสาว ๆ อย่าลืมกินของหวานอย่างมีสติและออกกำลังกายควบคู่กันไปเพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น ยิ่งถ้าออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อด้วยแล้วก็จะทำให้เราอ้วนยากขึ้นกว่าเดิมด้วยน้าา <3