ผู้หญิงกับของหวานมักจะเป็นของคู่กันค่ะ แต่ถ้าชื่นชอบของหวานมาก ๆ จนถึงขั้นเกิดอาการติดหวานขึ้นมาแล้วล่ะก็ คงไม่เป็นการดีแน่ เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว โรคต่าง ๆ ก็จะติดตามมาอีกด้วย บางคนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ ต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวกันนานเป็นเดือน ๆ เลยทีเดียวด้วยนะ แล้วอาการติดหวานมันเป็นยังไง มีสัญญาณเตือนยังไงบ้างนั้น มาเช็คกันดูก่อนเลย


1.ขาดน้ำตาลไม่ได้

  • หากสาว ๆ ชื่นชอบการเติมน้ำตาลเป็นชีวิตจิตใจถึงขั้นที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้าว ก๋วยเตี๋ยว ชา กาแฟ หรืออาหารแทบทุกอย่างที่เรากินเข้าไปแล้วล่ะก็ เริ่มมีแววชัดเจนเลยค่ะว่าเรากำลังเกิดอาการติดหวานเข้าแล้ว 

อ้วน

 


2. ชื่นชอบการกินอาหารและขนมที่มีส่วนประกอบของแป้งเป็นหลัก

  • แป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่เรารับประทานเข้าไป เมื่อผ่านการย่อยแล้วก็จะกลายเป็นน้ำตาลค่ะ การที่สาว ๆ ชอบทานอาหารและขนมประเภทแป้งอยู่ตลอดวัน แม้ในช่วงเวลาที่ท้องอิ่ม ก็เป็นอีกข้อที่บ่งบอกว่าเรากำลังเกิดอาการติดหวาน และจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพตามมาอีกมากมายเลยล่ะ

อ้วน

 


3. มีอาการอ่อนเพลียตลอดวัน

  • ทุกคนรู้หรือไม่ว่า! การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป จะทำให้ร่างกายของเราปฏิเสธอาหารจำพวกโปรตีน ส่งผลให้เราขาดสารอาหารที่จำเป็นในแต่ละวัน ทำเกิดอาการอ่อนเพลีย เนื่องจากโปรตีนเป็นสารอาหารหลักสำคัญที่ให้พลังงาน รวมไปถึงซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย เมื่อร่างกายของเราขาดโปรตีนจึงก่อให้เกิดอาการอ่อนเพลียมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

อ้วน


4. ปวดฟัน ฟันผุ เป็นโรคในช่องปาก

  • เรียนวิชาสุขศึกษากันมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า การกินของหวานแล้วไม่แปรงฟันจะทำให้ฟันผุถูกต้องไหมล่ะคะ ? ซึ่งการรับประทานขนมหวาน หรือของหวานที่มากจนเกินไปถึงขั้นเกิดอาการติดหวาน ก็สามารถทำให้เกิดอาการ ฟันผุ ปวดฟัน และเป็นโรคในช่องปากได้ เนื่องจากน้ำตาลที่เข้าไปสะสมอยู่ในช่องปากและตามซอกฟันของเราโดยที่เราไม่รู้ตัวนั่นแหละค่ะ

อ้วน

 


5. โปรดปรานอาหารประเภท Non Fat

  • เคยสังเกตไหมว่าอาหารประเภทไร้ไขมันหรือ Non Fat นั้น จะมีรสชาติที่หวานขึ้นกว่าปกติ นั่นก็เพราะผู้ผลิตเขานำเอารสชาติความหวานมาทดแทนความหอมมันที่ขาดหายไป ดังนั้นแล้วสาว ๆ ที่ชื่นชอบการกินอาหารหรือขนมประเภทไร้ไขมัน จึงควรสังเกตดูให้ดีว่าตัวเราเองกำลังติดหวานเพราะสิ่งนี้หรือไม่

อ้วน


6. อารมณ์ดีหลังการรับประทานของหวาน

  • เคยสังเกตกันบ้างไหมว่าเวลาที่พวกเราเครียด ร่างกายจะมีความต้องการการเสพของหวานมากขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นกาแฟเย็น ชาเย็น ชาดำเย็น หรือขนมหวานต่าง ๆ ยิ่งถ้าหากสาว ๆ อารมณ์ดีขึ้นทันทีหลังการกินของหวาน รวมทั้งเพรียกหาของหวานกินทุกครั้งที่เกิดความเครียดด้วยแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่าเรากำลังเกิดอาการติดหวานเข้าแล้ว

อ้วน


7. รับรู้รสชาติความหวานเปลี่ยนไปจากเดิม

  • ยิ่งกินหวานมากขึ้นเท่าไหร่ ร่างกายของเราก็จะรับรู้ความหวานของสิ่งที่กินเข้าไปได้ผิดเพี้ยนมากขึ้นเท่านั้นค่ะ เพราะนั่นก็คืออาการที่เรารู้สึกว่ายังไม่หวานเลย ยังไม่หวานเท่าไหร่ ยังหวานได้มากกว่านี้อีก หรือถ้าหวานกว่านี้ก็จะยิ่งอร่อย อาการเหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงการติดหวานของสาว ๆ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ

อ้วน


8. ทั่วทั้งบ้านมีแต่ขนมหวาน

  • ถ้าหากทั้งในตู้เย็น ในครัว บนโต๊ะกินข้าว หรือแม้กระทั่งบนเตียงนอนของสาว ๆ ล้วนมีขนมหวานอยู่มากมายซุกซ่อนไว้ หรืออาจเป็นที่ใดที่หนึ่งในบ้านที่เป็นดั่งขุมสมบัติขนาดย่อมที่เต็มไปด้วยขนมหวานแล้วล่ะก็ นั่นย่อมบ่งบอกถึงอาการติดหวานขั้นรุนแรงที่สาว ๆ ควรหาวิธีแก้ไขโดยด่วนเลยค่ะ!!

อ้วน


9. รู้สึกปวดหัวเมื่อไม่ได้รับประทานของวันในตอนเช้า

  • หากเช้าวันใดที่สาว ๆ ไม่ได้รับประทานของหวานแล้วเกิดอาการปวดหัว ลองทำเช่นเดิมดูอีกครั้งในวันถัด ๆ ไป แล้วดูผลลัพธ์ที่ได้ว่าเราเกิดอาการปวดหัวเหมือนเดิมอีกหรือไม่ ถ้าคำตอบออกมาคือใช่ นั่นแสดงว่าเราเกิดอาการติดหวานขั้นรุนแรงแล้วจ้า

อ้วน


10. คิดช้าลง หลงลืมมากขึ้น

  • รู้หรือไม่ว่าปริมาณน้ำตาลในร่างกายที่มากเกินความจำเป็น จะเข้าไปลดจำนวนโปรตีนในสมองของสาว ๆ ค่ะ ซึ่งจะส่งผลต่อระบบความคิดและความจำของเรา ทำให้สาว ๆ คิดคำนวณได้ช้าลงค่ะ รวมทั้งอาจจะเริ่มหลงลืมเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวมากขึ้น อาจจะส่งผลให้เกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ในอนาคตได้อีกด้วยนะ

อ้วน


💡 Tips :

  • สำหรับใครติดหวานจริง ๆ ยังรู้สึกว่ายังขาดหวานไม่ได้ ทางเราแนะนำให้ลองเลือกใช้สารแทนความหวานที่มีประโยชน์แทน อย่างเช่นใช้น้ำตาลหญ้าหวานแทนน้ำตาล ทานผลไม้แทนเค้ก ค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ ลดไป อย่างน้อยก็ยังดีต่อสุขภาพมากกว่าค่ะ

ลองกลับไปพิจารณาพฤติกรรมและนิสัยของตัวเองกันดูนะคะ ถ้าเริ่มมีอาการเหล่านี้ ให้ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนนิสัย ก่อนที่จะสายจนโรคต่าง ๆ ตามมาทำให้สุขภาพพังจ้า